”เหล้าขม” ตำหรับยาพื้นบ้าน … กุฎีจีน
มีคนเล่าเรื่องชุมชนกุฎีจีน ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้เยอะมาก เรื่องราวของกุฎีจีนนั้นคงเล่ากันไม่จบ ชุมชนเก่าอายุมากว่า 200 ปี ถ้านักอย่างเป็นทางการเมืองพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานที่ดินให้ชาคาทอลิกใช้สร้างโบสถ์นั่นคือกรุงธนบุรี เมื่อเวลาผ่านไปกุฎีจีน ยังคงดำเนินชีวิตไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
คนทั่วไปจะรู้สึกของสามสี่อย่างเมื่อเอ่ยชื่อกุฎีจีน ขนมฝรั่ง โบสถ์ซางตาครูซ ขนมจีนแกงไก่คั่ว ฯลฯ เราอยากบันทึกความทรงจำของคนกุฎีจีน ถึงอะไรที่เคยมีและยังพอมีอยู่ในชุมชนกุฎีจีนโดยไม่ใช่ของสามสี่อย่างที่คนนึกถึงที่นี่
เป็นที่มาของเรื่อง “เหล้าขม”
“ เราเกิดมาก็เจอแล้ว เรารู้จักเหล้าขมตั้งแต่จำความได้ เมื่อเวลาที่เราหัดเดิน ถ้าเกิดหกล้ม คุณยายจะเอาเหล้าขมมาทาให้เรา เหล้าขมจะไปกระจายความฟกช้ำ กระจายเลือดที่เกิดห้อ แล้วรอยเขียวๆ ช้ำๆ ก็หายไปเอง ก็แปลกดีที่ พอทาเข้าไปที่เป็นรอยช้ำสีม่วงๆ ก็จะกระจายหายไปในที่สุด “ สรรพคุณเหล้าขม จากความทรงจำของ พี่ตอง คุณนาวิณี พงศ์ไทย (ทรรทรานนท์) ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน
สรุปว่าเหล้าขมเป็นยาทาแผล ? พี่ตองบอกว่า “ เหล้าขมมีลักษณะเป็นยาดอง เป็นผงมีสีเหลืองๆ กลิ่นหอมๆ มีกลิ่นสมุนไพร ถ้าอยากให้ข้นจะใส่ไพร และสมุนไพรอื่นๆ วิธีใช้คือ เอาไพรมาฝนใส่เข้าไปด้วย ถ้าหัวโน จะเอาดินสอพองผสมใส่เข้าไปด้วย เด็กๆ ในกุฎีจีน สมัยก่อน ถ้าหกล้มอกฟาดพื้น ผู้ใหญ่จะเอาเหล้ามขมให้ทา และ ให้กิน !!” สรุป เหล้าขมใช้กินด้วย พี่ตองเล่าว่า “ถ้าเป็นเด็กที่อื่นมาเขาอาจจะไม่กล้าทาน แต่เราทานมาตั้งแต่เด็กๆ ทานเช้าเย็น ทานครั้งละช้อนชา แก้ช้ำในดีนัก เคล็ดลับของเหล้าขมถ้าจะเพิ่มสรรพคุณให้ใส่เลือดแรด หรือใส่ดีหมี ช่วยให้เข้มข้นขึ้นและได้สรรพคุณมากขึ้น หายเร็วขึ้น เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วหายากทั้งสองอย่าง แต่ถึงไม่มีเราก็ใช้มาตั้งแต่เด็กๆ ก็ใช้ได้ แล้วก็อร่อยดีด้วยนะ เพราะเคยแอบขโมยทานตั้งแต่เด็กๆ ทานจนเมา รสชาติก็โอเค “
นั่นสรุปว่าเหล้าขมเป็นยาทานและยากทา เป็นยาดองเหล้ารสชาตดี พี่ตองเล่าถึงวิถีชีวิตของชุมชนกุฎีจีนที่เป็นเหมือนชุมชนเก่าทุกที่ในโลกนี้ “ สมัยก่อนเวลาป่วยเป็นอะไรถ้าไม่มากไม่มีใครไปโรงพยาบาล ถ้าเป็นมากๆ ถึงจะไป ถ้าเป็นไข้เป็นหวัดปวดหัวตัวร้อน เราจะมีหมอของชุมชนรักษาด้วยแพทย์แผนโบราณ กุฎีจีนมีหมออยู่หลายท่าน ขนาดตัวเองเป็นไทฟอยตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้ไปหาหมอแต่จะมีหมอแผนปัจจุบันมาที่บ้านมาฉีดยา การมีหมอในชุมชนเป็นการดูแลกันเองในชุมชน ถ้ามียาหรืออะไรที่เป็นสูตรของชุมชนเราก็ทำเอง อย่างเหล้าขม เราทำกันเอง จะทำกันเป็นหลายบ้าน เดี๋ยวนี้เหลือผู้ที่ทำน้อยแล้ว คนทำต้องมีสูตรยาซึ่งก็ไม่ได้ปิดบัง แต่มันทำยากมีหลายขั้นตอน เมื่อทำขึ้นมาแล้วก็แจกกัน แบ่งกันใช้เป็นวิถีของชาวคาทอลิก
สมัยก่อนเรามีหมอยาโบราณ หมอยาไทย เยอะ หมอเรียม หมออาวุโส ยายหมอผาด หมอหลัด
เป็นการถ่ายทอดสอนกันมา ยา จะเป็นยาใช้กวาดยา ยาหม้อ ยาทา เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ เหล้าขมต้องปรุง เพราะมีกรรมวิธี คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ใช้ แต่ที่บ้านหลานๆ จะเคยใช้เพราะเป็นยาที่มีสรรพคุณรักษาอาการได้จริง
“ เหล้าขม น่าจะยาพื้นบ้าน ในชุมชนคาทอลิก ไม่ได้มีบันทึกว่าเป็นยาไทย และดูสูตรแล้วก็น่าจะเป็นยาต่างประเทศ เพราะมีส่วนผสมของหญ้าฝรั่น และเมื่อดมกลิ่นเหล้าขมทางอีสาน จะมีกินอบเชยเด่นชัด สูตรยาไทยขนานแท้ ไม่มีหญ้าฝรั่นชและไม่มีกลิ่นอบเชย เชื่อว่าเหล้าขมเป็นสูตรยาเก่าที่มากับคุณพ่อที่โบสถ์ เพราะต่อมาก็มีคุณพ่อจากทางอีสาน บอกว่า ท่านมีเหล้าขมเหมือนกัน แต่เป็นผง ใช้ดองเหล้าเหมือนกัน แต่ของท่านใช้ะชงกับน้ำร้อนทานก็ได้ แต่สตรีมีครรภ์ห้ามทาน ที่สนใจคือ น่าจะมาจากต้นตอเดียวกัน ทางอีสานบอกว่าเป็นสูตรยาโบราณได้มาจากมิชชันนารี เป็นมาเซอร์คณะรักกางเขน คณะแรกที่อยู่อยุธยา แล้วตามพระเจ้าตากออกมาดูแลทหารบาดเจ็บ จึงเป็นไปได้ว่า เหล้าขมน่าจะได้สูตรมาจากมิชชันนารีชาวโปรตุเกส เพราะสรรพคุณเหมือนกัน “
ชุมชนกุฎีจีน ใช้ยาพื้นบ้านมานานตั้งแต่เริ่มตั้งชุมชน เหล้าขมน่าจะเป็นยากลุ่มสุดท้ายที่ใช้อยู่
นอกจากนั้นก็มีน้ำมั้นชิน ทำจากน้ำมันมะพร้าวผสมสมุนไพรทาแผลที่ใบหน้า หรือที่จมูก ถ้าเกิดเป็นแผล ทางด้ายน้ำมันชินแผลจะตกสะเก็ดไม่เป็นแผลเป็น หรือใครโดนมีบาด มีใบกระเมง หรือน้ำนมราชสีห์ ใช้ห้ามเลือด เอามาตำผสมกับเหล้าขาวโปะก็จะฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวดยาแก้แพ้ซึ่งเป็นยากที่รักษาอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ
นอกจากหาหมอพื้นบ้านในกุฎีจีน ถ้ามียาที่ต้องไปเจียด จะข้ามฝั่งไปร้านขายยาที่ปากคลองตลาด ชื่อร้านเกียรติบุตร แต่ก็จะรับเจียดยา และเขาก็มียาที่ผสมเอง มียาหอมชูกำลัง ยากเม็ดน้ำแดง ยาบำรุงหัวใจ ยาหอม ยาแสงหมึก
ส่วนยาเหล้าขม ที่คนในชุมชนใช้ประจำสมัยก่อนจะเป็น สูตรโวเล็ก คุณยาย(ของพี่ตอง)เคยบอกว่า โวเล็ก คือคุณแม่ของเพื่อนคุณยายท่านนึงเป็นเชื้อสายโปรตุเกส เรื่องยาเรื่องขนม สมัยก่อนคนกุฎีจีนจะบอกสูตรกัน ถ้าทำเองก็ทำ แล้วแจกชาวบ้าน หลังๆ ไม่ทีคนทำแล้วเราก็ทานกันนิดเดียว ก็เลยซื้อเอาดีกว่าเราทานน้อย ไปๆมาๆ ทั้งยาและขนมฝรั่งจึงเหลือคนทำน้อย
ถ้าให้สรุปวิถีการดำเนินชีวิตแบบชาวกุฎีจีน คืออะไร? “ วิถีแห่งกุฎีจีน คือ ความสามัคคี ความรักและเอื้ออาทรต่อก้น เราจะช่วยกัน มีความสมัครสมานสามัคคี ศาสนาทำให้คนในชุมชนยึดโยงอยู่ร่วมกันกัน เราอยู่มาด้วยกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย เราจึงรู้จัก เข้าใจ และดูแลกัน วิถีของเราเป็นข้อปฎิบัติของคาทอลิคที่ว่า เราควรจะมีความรัก ช่วยเหลือดูแลผู้อื่น คาทอลิคทุกคน ยึดมั่นในคำสอนแบบนี้ ปู่ย่าตายายเราสอนกันมาแบบนี้ เพียงแต่ใครจะปฎิบัติหรือไม่แล้วแต่คน แต่ทุกที่ในโลกเป็นอย่างนี้ ชุมชนเก่าคล้ายกัน อยู่กันมานาน ปู่ย่าตายายพึ่งพาอาศัยกันมา”
ชุมชนเก่าแก่โบราณ มีเรื่องที่เป็นความทรงจำดีมากมาย การมีอยู่ของ เหล้าขม สะท้อนภาพชีวิตของคนไทยในชุมชนคาทอลิกที่เก่าแก่ เป็นกลุ่มก้อนมายาวนาน ถ้าไม่นับบ้านญวณ บ้านเขมรที่สามเสนที่เป็นชุมชนคาทอลิกที่เก่าที่สุด กุฎีจีน ก็คือ คนที่รักษาอัตตะลักษณ์ไว้อย่างยาวนาน ยังคงเหลือวิถีดั้งเดิมให้ไปสัมผัสได้